วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

ทำอย่างไรไม่ให้พลาดมื้อเช้า




           หลายๆ คนไม่ได้ให้ความใส่ใจกับมื้อเช้าเท่าไหร่นักเพราะยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบออกไปทำงาน จึงมัววุ่นอยู่แต่การรีบแต่งตัวออกจากบ้านให้เร็วที่สุดก่อนที่รถจะติด จนลืมคำนึกถึงมื้อเช้าที่อุดมไปด้วยสารอาหาร แถมยังให้ความสำคัญกับมื้อเย็นซะมากกว่า ด้วยบรรดาของโปรดแสนอร่อยแบบจัดเต็มที่เป็นการเพิ่มไขมันสะสมใต้ชั้นผิวหนังมากขึ้นทุกๆ วัน

             นอกจากนั้นแล้วคุณรู้หรือไม่ว่าการรับประทานมื้อเช้าที่เพียงพอจะช่วยให้ความอยากในมื้อต่อไปลดลง เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาลองหาแรงจูงใจในการกินมื้อเช้าด้วยวิธีง่ายๆ กันค่ะ

ตื่นก่อนเวลาปกติสัก 10-15 นาที
เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาในการทำกิจวัตรส่วนตัวมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องทำอะไรแบบเร่งรีบและมีเวลาเหลือสำหรับมื้อเช้าก่อนออกจากบ้าน

เข้านอนเป็นเวลา
ควรจะปรับพฤติกรรมให้เข้านอนตรงเวลาซึ่งไม่ควรเกินเที่ยงคืน เพื่อให้ร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและเพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอขณะที่เรานอนหลับได้อย่างเต็มที่ การพักผ่อนอย่างเพียงพอวันละ 8 ชม.จะช่วยให้เราตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น

อะไรก็ได้ที่มีประโยชน์
บางคนบ่นว่าไม่มีเวลามาปรุงอาหารสำหรับมื้อเช้า ก็เลยใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะไม่กินมื้อเช้าเสียดื้อๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด อาหารเช้าไม่ใช่อะไรที่ยุ่งยาก เพียงแค่สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายง่ายๆ อย่าง ขนมปัง แฮม ไส้กรอก หรืออะไรง่ายๆ ที่สามารถเตรียมได้ในเวลาไม่กี่นาที ยิ่งสมัยนี้มีแฮม ไส้กรอกแบบที่ปรุงสุกได้ง่ายๆ เพียงนำเข้าไมโครเวฟไม่กี่นาทีก็พร้อมเสิร์ฟ

เริ่มมือเช้าแบบเบาๆ สำหรับใครที่ห่างหายจากการกินมื้อเช้ามาเป็นเวลาแสนนานจนยากที่จะปรับตัวขอให้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยมื้อเช้าแบบเบาๆ ค่อยเป็นค่อยไป อย่างขนมปังโฮลวีตสักแผ่นกับน้ำส้มคั้น ผลไม้อย่างกล้วยน้ำว้าสักลูกในทุกๆ เช้าก็จะช่วยให้เราค่อยๆ ชินกับมื้อเช้าได้

เวลามื้อเช้า
ช่วงเวลาสำหรับการรับประทานมื้อเช้าที่ดีควรเริ่มที่ 7 โมงเช้า และไม่ควรเกิน 9 โมง เพราะเป็นช่วงเวลาที่กระเพาะกำลังทำงาน ถ้าไม่มีอหารสำหรับย่อย การบีบรัดตัวของกระเพาะก็จะดันเอาของเก่าที่อยู่ในลำไส้กลับขึ้นมาย่อยซ้ำ สารพิษที่อยู่ในอุจจาระก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษ ซึ่งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษ ซึ่งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวพรรณไม่สดใสเปร่งปลั่งอีกด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน