ผู้หญิงทุกๆ 1 ใน 2 คนและผู้ชายทุก 1ใน 4 คนมีโอกาสเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดดำทำให้เกิดอาการปวดและไม่สบายขาได้ ความผิดปกติตั้งแต่เส้นเลือดดำขอด (varicose vein) ไปจนถึงเส้นเลือดดำอุดตัน (deep vein thrombosis) จะส่งผลร้ายแรงตามมาคือ เส้นเลือดดำพร่องประสิทธิภาพเรื้องรัง (chronic venous insufficiency)
การทำงานของหลอดเลือดดำ
การไหลเวียนของเลือดเริ่มจากหัวใจช่วยสูบฉีดโลหิตไปทั่วร่ายกาย ส่วนหลอดเลือดดำจะใช้กลไกการต้านแรงโน้มถ่วงเพื่อขนส่งเลือดกลับไปยังหัวใจ การนำเลือดกลับสู่หัวใจเกิดขึ้นจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อขาร่วมกับส่วนที่เรียกว่าลิ้นของหลอดเลือดดำ ขณะเดิน กล้ามเนื้อจะค่อยๆ บีบหลอดเลือดดำและผลักดันให้เลือดไหลผ่านจากลิ้นหนึ่งไปยังอีกลิ้นหนึ่ง แต่ละลิ้น ประกอบด้วยแผ่นผับ 2 แผ่น ทำหน้าที่เหมือนประตูน้ำที่เป็นคู่ เพื่อป้องกันไม่ให้แรงโน้มถ่วงของโลกดึงเลือดกลับสู่ส่วนขา
ขาของคนที่สุขภาพปกติจะมีหลอดเลือดดำที่มีผนังเรียบและยึดหยุ่นปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยน แปลงของแรงดันในหลอดเลือดดำได้ดีเมื่อกล้ามเนื้อน่องบีบตัวขณะเดิน ลิ้นของหลอดเลือดดำจะเปิดในทิศทางที่มุ่งสู่หัวใจเพื่อให้เลือดไหลผ่านไป พอกล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลิ้นก็จะปิดเพื่อป้องกันเลือดไหลกลับ
แต่ถ้าผนังหลอดเลือดดำเสียหายไปเพราะภาวะหลอดเลือดดำโป่งขด หรือเกิดลิ่มเลือดจนหลอดเลือดอุดตันก็จะโป่งพองจนลิ้นไม่สามารถปิดได้สนิท เมื่อร่างกายอยู่ในท่ายืนเลือดที่จะไหลกลับหัวใจก็จะหยุดนิ่งอยู่ที่ส่วนขา แรงดันภายในหลอดเลือดดำใหญ่ที่อยู่ภายใต้ผิวหนังก็จะสูงขึ้นจนหลอดเลือดดำบวม
อาการเริ่มแรกที่พบบ่อยที่สุดคือ ความรู้สึกว่าขาเมื่อยล้า หรือปวดน่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลายืนนาน ๆ ต่อมาน้ำเลือดจะคั่งอยู่ที่ส่วนเท้าและข้อเท้าจนทำให้บวม ผิวหนังที่ปกคลุมข้อเท้าจะบางลงและมีสีคล้ำหรืออาจแตกเป็นแผลที่เรียกว่าแผลเลือดคั่ง ( venous stasis ulcer)
เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ผนังของหลอดเลือดดำจะมีความยืดหยุ่นลดลงและเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดดำได้ง่ายขึ้น